วันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

วันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving Day)

วันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving Day)



วันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving Day) เป็นวันฉลองการเก็บเกี่ยวที่เดิมเป็นการแสดงความขอบคุณต่อพระเจ้าเมื่อสิ้นฤดูเก็บเกี่ยว ขณะที่ที่มาเดิมมาจากเทศกาลที่เกี่ยวกับคริสต์ศาสนาแต่ในปัจจุบันวันขอบคุณพระเจ้าเป็นเพียงวันหยุดที่ไม่เกี่ยวข้องกับศาสนาที่ฉลองกันในสหรัฐอเมริกาและประเทศแคนาดา ในสหรัฐอเมริกา วันขอบคุณพระเจ้าจะตรงกับวันพฤหัสบดีที่สี่ของเดือนพฤศจิกายนของทุกปี ในขณะที่ในประเทศแคนาดาจะตรงกับวันจันทร์ที่สองของเดือนตุลาคม ประเพณีนี้เกิดขึ้นภายหลังจากการอพยพของชาวยุโรปมาที่ทวีปอเมริกาเหนือ ถึงแม้ว่าประเพณีนี้เป็นประเพณีหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับศาสนาคริสต์ที่ฉลองกันโดยบุคคลในทวีปอเมริกาทั้งที่เป็นคริสต์ศาสนิกชนและอื่นๆ แต่เป็นการฉลองที่มีที่มาที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของการตั้งถิ่นฐานในทวีปอเมริกาเหนือ ฉะนั้นเทศกาลนี้จึงไม่มีการฉลองกันในทวีปยุโรปหรือประเทศที่นับถือศาสนาคริสต์อื่นๆ

ในวันขอบคุณพระเจ้านี้ชาวอเมริกันจะใช้เวลาอยู่ร่วมกับครอบครัวและรับประทานอาหารมื้อใหญ่ด้วยกัน โดยอาหารที่นิยมรับประทานจนเป็นประเพณีคือไก่งวง และนอกจากนี้ในเมืองนิวยอร์กจะมีขบวนพาเหรดที่มีชื่อเสียงจัดโดยห้างสรรพสินค้า เมซีส์ ในชื่อ เมซีส์เดย์พาเหรด (Macy's Day Parade)


ครบรอบวันเกิด 160 ปี โรเบิร์ต หลุยส์ สตีเวนสัน Robert Louis Stevenson 's birthday

ครบรอบวันเกิด 160 ปี โรเบิร์ต หลุยส์ สตีเวนสัน Robert Louis Stevenson 's birthday


13 พฤศจิกายน ครบรอบวันเกิด 160 ปี ของ โรเบิร์ต หลุยส์ สตีเวนสัน
(1850-1895) นักเขียนชาวสก็อต ผู้ประพันธ์วรรณคดีสำหรับเด็กซึ่งเป็นงานระดับคลาสสิกหลายชิ้น จบการศึกษาด้านวิศวกรรมและกฎหมาย แต่มีความสนใจด้านวรรณคดีมาตั้งแต่เด็กๆ และได้หันมาจับงานเขียนอย่างจริงจัง จนกลายเป็นนักประพันธ์ระดับแนวหน้า เขามีชื่อเสียงจากเรื่องแนวตื่นเต้นผจญภัย เช่นเรื่อง Treasure Island (เกาะมหาสมบัติ) และ The Strange case of Dr. JekyII and Mr. Hyde เขาสามารถเขียนเรื่องได้หลายแนวทั้งเรื่องท่องเที่ยว ชีวประวัติ เรื่องสั้น และบทกวีสำหรับเด็ก

วันพฤหัสบดีที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

Narcissus นาร์ซิสซัส ดอกไม้ประจำเดือนธันวาคม

Narcissus นาร์ซิสซัส ดอกไม้ประจำเดือนธันวาคม



เดือนสุดท้ายของปีย่างเข้ามาแล้ว เดือนแห่งการเฉลิมฉลองและวันหยุดตามเทศกาลธันวาคมมีดอกไม้ชื่อ นาร์ซิสซัส เป็นดอกไม้ของคนที่เกิดเดือนนี้ค่ะดอกไม้ชนิดนี้ลักษณะคล้ายกับดอกไม้ที่ชื่อแดฟโฟดิลและดอกไม้ที่ชื่อว่าฌองควิล(สเปน)ที่เป็นดอกไม้ของคนที่เกิดเดือนมีนาคม(ลักษณะของเหมือนคล้ายกันคือเป็นพืชล้มลุกมีลักษณะของดอกผอมแคบและยาว หนังสือบางเล่มบอกว่าเป็นดอกชนิดเดียวกันแต่มีชื่อต่างกันและ มีสีเหลืองเหมือนกันอีกด้วย) ชื่อนาร์ซิสซัส มาจากภาษากรีกที่เรียกชื่อว่า นาร์ซิสโซ แปลว่าเอาชนะการลุ่มหลงมึนเมาได้และเชื่อกันว่ามันมีความเกี่ยวข้องกับเฮเดส (Hades)จากยมโลก

ลักษณะคล้ายกับดอกไม้ที่ชื่อแดฟโฟดิลและดอกไม้ที่ชื่อว่าฌองควิล(สเปน)ที่เป็นดอกไม้ของคนที่เกิดเดือนมีนาคม(ลักษณะของเหมือนคล้ายกันคือเป็นพืชล้มลุกมีลักษณะของดอกผอมแคบและยาว หนังสือบางเล่มบอกว่าเป็นดอกชนิดเดียวกันแต่มีชื่อต่างกันและ มีสีเหลืองเหมือนกันอีกด้วย) ชื่อนาร์ซิสซัส มาจากภาษากรีกที่เรียกชื่อว่า นาร์ซิสโซ แปลว่าเอาชนะการลุ่มหลงมึนเมาได้และเชื่อกันว่ามันมีความเกี่ยวข้องกับเฮเดส (Hades)จากยมโลก



นี่เป็นรูปของนางไม้ที่ชื่อเอคโค(ที่แปลว่าเสียงสะท้อน)

กับนาร์ซิสซัส ที่กำลังชะโงกเหนือลำธารเพื่อชมโฉมของตัวเอง

ชื่อของดอกไม้นาร์ซิสโซยังเกี่ยวกับเรื่องของเทพเจ้ากรีกอีกด้วย ในยุคนั้นมีชายหนุ่มรูปงามมากเป็นกึ่งมนุษย์กึ่งเทพมีชื่อว่านาร์ซิสซัส เนื่องจากความที่มีความหล่อเหลามากมีแต่คนหลงรักทั้งเทพเจ้าด้วยกัน มนุษย์ นางพรายต่างๆ แต่เขาไม่ได้รักใครเลยนอกจากตัวเองตอนนั้นมีนางพรายคนหนึ่งชื่อว่านาง เอคโค่ได้มาหลงรักแต่นาร์ซิสซัสไม่ได้สนใจ นางพราย เอคโคเสียใจมากหนีเข้าไปอยู่ในถ้ำจนตรอมใจตาย นาร์ซิสซัสก็ไม่สนใจค่ะ วันๆได้แต่นั่งอยู่ข้างๆแหล่งน้ำเพื่อชะโงกดูเงาตัวเอง อยู่มาวันหนึ่งคงจะชะโงกดูเงาตัวเองในลำธารเพลินไปหน่อยเลยตกลงไปในน้ำและจมน้ำตาย เทพเจ้ากรีกเลยเสกให้บริเวณที่เขาจมน้ำมีดอกไม้ชนิดหนึ่งขึ้นบริเวณนั้นเพื่อเป็นการระลึกถึง ดอกไม้นั้นเลยได้ชื่อว่า นาร์ซิสซัส

เจ้าดอกไม้นาร์ซิสซัสยังมีความหมายเกี่ยวกับความตายและการเกิดใหม่อีกด้วยเพราะว่าสาวสวยนางหนึ่งชือ เพอร์เซโพเน่กำลังเก็บดอกไม้นี้ขณะที่ เฮเดส เจ้าแห่งยมโลกมาขโมยตัวของเธอเอาไปเป็นภรรยาที่ยมโลกทำให้เกิดการโศกเศร้ากันอย่างมากมายโดยเฉพาะแม่ของนางเพอร์เซโพเน่ร่ำไห้จน เฮเดสทนไม่ไหวจนยินยอมให้เธอกลับมาบนโลกในระยะเวลาสั้นๆคือช่วงฤดูไบไม้ผลิจนถึงฤดูไบไม้ร่วง ช่วงนี้เองค่ะที่ดอกแดฟโฟดิลหรือดอกนาร์ซิสซัสจะออกดอกชูช่อสว่างไสวไปตามท้องทุ่งและริมน้ำและจะออกดอกและบานก่อนดอกไม้ชนิดอื่นค่ะ ดอกนาร์ซิสซัสนี้ยังใช้ในงานพิธีศพของชาวอียิปต์โดยจะนำดอกไม้นี้ไปวางที่ริมฝีปาก ดวงตาทั้งสองข้างและจมูกของฟาโรห์ก่อนที่จะนำไปฝังหรือก่อนทำเป็นมัมมี่ แม้แต่ศาสนาคริสต์ก็ถือว่าดอกไม้นี้เป็นหมายของความตายและการฟื้นจากความตายของพระคริสต์ค่ะ

แต่ถ้าเป็นสมัยโบราญยุควิคตอเรียนถ้ามีคนส่งช่อดอกไม้ที่มีเจ้านาร์ซิสซัสแซมอยู่ด้วยจะแปลว่าส่งความระลึกถึงและอยากจะสารสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นและเต็มไปด้วยความเสน่หาค่ะแต่ในปัจจุบันถ้าส่งช่อดอกไม้ที่มีดอกนาร์ซิสซัส แดฟโฟดิลหรือจองควิลไปให้ใครจะมีความหมายว่าเพื่อระลึกถึงชีวิตหลังความตาย ความหวัง การเกิดใหม่และการมีชีวิตอมตะหรืออาจจะมีความหมายส่วนตัวว่าให้ความรัก ความหวังที่จะกลับคืนมาเหมือนเดิมค่ะ/